วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธีค้นหาหุ้นวัฏจักร

เครดิต thaivi.com ครับ

เมื่อก่อนผมใช้วิธีอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ  เคยเจอข่าว  "ค่าระวางเรือสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์"  ข่าวแบบนี้ก็จะช่วยให้เราสะดุดตาและเริ่มให้ความสนใจ

ผมยังเคยเจอข่าว  "วัสดุก่อสร้างขาดตลาดอย่างหนัก  ผู้รับเหมาร้องขอเลื่อนส่งงาน"  ข่าวแบบนี้ก็จะทำให้เราเริ่มสนใจวัสดุก่อสร้าง  เป็นต้น

แต่ปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าการใช้วิธีเดิมๆจะค่อนข้างช้า  หมายความว่าเรารู้ตอนที่ใครๆก็รู้  และรู้กันทั้งประเทศแล้ว และราคาหุ้นมักจะปรับตัวกันไปบ้างแล้วแม้บางตัวอาจจะแพงไป บางตัวอาจจะยังถูก  แต่ก็ถือว่าช้าอยู่ดี  ปัจจุบันนี้เราจึงต้องดักหน้าก่อน  พยายามมองให้ออกก่อน  เราถึงจะได้เปรียบแบบมากๆหน่อย



จากการศึกษา  วิธีที่จะดักหน้ากลุ่มนี้เราควรจะรู้เสียก่อนว่ากลุ่มนี้ทั้งหมดนั้นประกอบ ไปด้วยอะไรบ้าง  เท่าที่ดูๆผมจะแบ่งกลุ่มเพื่อให้สังเกตุง่ายๆพร้อมคุณสมบัติและโทษสมบัติ แต่ละกลุ่มดู

วัฏจักรแบบท้องถิ่น   หมายถึงในประเทศครับ

เช่น อสังหา  วัสดุก่อสร้าง  ยานยนต์  หลักทรัพย์  โรงพยาบาล

- ความถี่  เกิดขึ้นได้บ่อยๆ  วงจรสั้น  ความรุนแรงน้อย

- ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ  เงินเฟ้อเงินฝืดในประเทศ

- ความแม่นยำในการพยากรณ์  มีน้อย  เพราะขึ้นกับทำเล  อุปสงค์/อุปทาน ในประเทศด้วย  และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์มาก

วัฏจักรสากล

เช่น เดินเรือ  โลหะ กระดาษ  ปิโตรเคมี  หลักทรัพย์

- ความถี่  วงจรค่อนข้างยาว  เกิดขึ้นนานๆครั้ง  ความรุนแรงมาก(ได้กำไรมาก  อิอิ)

- ขึ้นกับสัดส่วนอุปสงค์/อุปทานของโลก

- ความแม่นยำในการพยากรณ์  มีมาก  เพราะไม่ขึ้นกับทำเล  ไม่ขึ้นกับอุปสงค์/อุปทานในประเทศนัก  และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์น้อย  เพราะตลาดโลกมีขนาดใหญ่มาก

ปล. กลุ่มหลักทรัพย์นั้นผมจัดให้อยู่ทั้งสองกลุ่มเพราะคิดว่าไม่ตรงกับอันใดอัน หนึ่งเสียทีเดียว  ส่วนกลุ่มยานยนต์นั้นอาจจะเริ่มเข้าสู่กลุ่มที่สองถ้าสัดส่วนการส่งออก ค่อยๆสูงขึ้นอย่างในปัจจุบัน

วิธีเลือกจังหวะซื้อขาย

ปีเตอร์ ลินช์  เคยบอกว่าให้ซื้อตอน p/e สูงๆ และขายตอน p/e ต่ำๆ  หลักการอันนี้ดูจะกลับตาลปัตรกับหุ้นเติบโตหรือแม้แต่หุ้นทั่วๆไป  แต่เป็นเรื่องจริงครับ 

แต่ถ้าเรายึดตามตัวอักษรเป๊ะๆ  เราอาจจะไปซื้อตอนช่วงกลางๆของวัฏจักรก็ได้  เพราะช่วงนั้น p/e ก็สูงเช่นเดียวกัน  และถ้าวัฏจักรเต็มๆมีระยะเวลา 20 ปี  เราก็ต้องรอตั้งสิบปีกว่าจะถึงขาขึ้น  รอกันจนหน้าเหี่ยวพอดีและก็เสียโอกาสในการทำเงินไม่ใช่น้อยๆเรย......จึง ต้องศึกษาเพิ่มเติมเสียหน่อย

ผลการศึกษา พบว่า

1. เราใช้วิธีดักหน้าไว้ก่อนเลย  เช่นเรารู้วงจรของธุรกิจว่าใช้เวลากี่ปีๆ  เราก็คำนวณไปล่วงหน้าว่าอีกกี่ปีจึงจะถึงรอบขาขึ้น  แล้วเราก็จ้องตลอดว่ามัน  “ใช่ ” หรือยัง

2. สัญญาณที่บอกว่า “ใช่ ”  ก็เช่น  บริษัทเริ่มได้กำไรมากขึ้น และมากขึ้นอย่างชัดเจนด้วยนะ

3. เช็คข่าวว่าบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจคล้ายๆกัน ได้กำไรมากขึ้นเหมือนกันหรือเปล่า (ถ้าเป็นกลุ่มสากลมักจะได้กำไรไปด้วยกัน  แต่ถ้าเป็นกลุ่มท้องถิ่นจะยากหน่อย อาจจะค่อยๆทยอยกันมาก็ได้)

4. เช็คยอดขาย  อันนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ  ร่วมกับสต็อคสินค้าเริ่มลดลง 

5. เช็คบทวิเคราะห์ทั่วโลก(กลุ่มท้องถิ่นจะทำแบบนี้ไม่ได้  แต่กลุ่มสากลจะทำได้ง่าย  และงานนี้จะไม่มีใครเป็น inside ตัวจริง  ทุกคนจะพอๆกันเป็นการลดความเสียเปรียบ)

6. บทวิเคราะห์ที่ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อน  เพราะนักวิเคราะห์เองก็อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน(ระแวงไว้หน่อยก็ดีครับ) เขาอาจจะใช้ความเห็นมากกว่าข้อเท็จจริงก็ได้  หรืออาจจะใช้ข้อเท็จจริงแต่นำเสนอข้อเท็จจริงไม่หมด  หรือจริงๆแล้วเจตนาบริสุทธิ์แต่รู้ไม่หมด ไม่รอบด้านพอ  จึงต้องเช็คงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาด้วยจะเชื่อถือได้มากกว่า

ดักหน้าหมายถึงใช้วิธีจ้องไว้ก่อนอ่ะครับ  ไม่ถึงกับซื้อดัก  เพราะถ้าซื้อแล้วปรากฏว่ายังไม่ใช่ของจริงเราอาจจะขาดทุนก็ได้  (เพราะระยะเวลาของวงจรเหล่านี้ไม่ถึงกับเป็นตัวเลขเดิมเป๊ะๆ  สามารถคลาดเคลื่อนได้พอสมควรครับ)

พองบออกครั้งที่ 1. ถ้าปรากฏว่าเป็นไปตามคาด เราสามารถเริ่มกระบวนการข้อ 2-6 ได้เลย  อาจจะไม่ต้องรองบQที่ 2 ,3

โดยส่วนใหญ่ช่วงนี้ราคาหุ้นมักจะยังไม่ขึ้นมากครับ

ถ้าเป็นปีเตอร์ ลินช์ เขาอาจจะรอให้ราคาขึ้นไปหนึ่งเด้งเสียก่อนเพื่อความชัวร์แล้วค่อยไล่ซื้อครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น